ช่วงหยุดยาวต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ 2566 ระหว่างวันที่ 13 – 17 เมษายน ธนาคารต่าง ๆ คาดการณ์ว่านอกจากจะเป็นช่วงที่ประชาชนออกมาเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนานแล้ว ยังเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากมายจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้เกิดเงินเดินสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างดี
ธนาคารทั้ง 4 ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย จึงมีนโยบายเตรียมสำรองเงินสด เพื่อรองรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ดังนี้
เริ่มจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เตรียมสำรองธนบัตรเพื่อรองรับความต้องการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 37,500 ล้านบาท แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร 10,675 ล้านบาท และในเขตต่างจังหวัด 26,825 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม 31,000 ล้านบาท และสาขา 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสำรองเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10% เพื่อรองรับการใช้จ่ายของประชาชน โดยปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์มีสาขาทั้งสิ้น 765 สาขา และมีเครื่องเอทีเอ็มรวม 10,928 เครื่อง
ธอสคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ มีผล 10 เม.ย. 66
10 ไอเดีย ของขวัญให้ผู้ใหญ่ใน "สงกรานต์ 2566" การันตีความน่าเอ็นดู
ด้านธนาคารกรุงไทย เตรียมสำรองเงินสดทั้งการใช้บริการที่สาขาและเครื่อง ATM รวมจำนวนทั้งสิ้น 21,710 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 3,060 ล้านบาท และเขตภูมิภาค จำนวน 18,650 ล้านบาท โดยสำรองสำหรับสาขาและจุดบริการทั่วประเทศ จำนวน 2,330 ล้านบาท และสำรองสำหรับเครื่อง ATM จำนวน 19,380 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ที่มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง สาขาที่เปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า จะปิดทำการในวันที่ 14 เมษายน 2566
ส่วน ธนาคารกรุงเทพ จัดสรรเงินสดไว้ให้บริการแก่ลูกค้าและประชาชนเพิ่มเติมจากภาวะปกติโดยรวมทั้งสิ้นประมาณ 40,000 ล้านบาท ผ่านสาขาธนาคาร และช่องทางบริการเอทีเอ็มที่มีเกือบ 10,000 จุดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บริการทางการเงินของธนาคารกรุงเทพได้ที่สาขาภายในห้างสรรพสินค้าและจุดชุมชนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงบริการตัวแทนธนาคารที่รองรับธุรกรรมในการฝาก-ถอนเงินสด ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้าน 7-Eleven, โลตัส, บริการ Bank@Post ของไปรษณีย์ไทย และบริการผ่านตู้บุญเติม (ฝากเงินสด) ซึ่งมีจุดให้บริการรวมกันกว่า 140,000 แห่งทั่วประเทศ
รวมถึงสามารถใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารในการทำรายการธุรกรรมต่างๆ เช่น เครื่องบัวหลวงเอทีเอ็ม (ATM) เครื่องบัวหลวงรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) บริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้ง (Bualuang iBanking) และบริการโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank Mobile Banking) บริการบัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 0-2645-5555 รวมถึงบริการรับชำระสินค้าและบริการผ่านระบบคิวอาร์โค้ด (QR Code)
ธนาคารกสิกรไทย เตรียมสำรองเงินสดสำหรับให้บริการในสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม เพื่อรองรับการใช้จ่าย รวมทั้งสิ้น 29,600 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองเงินสดผ่านช่องทางสาขา จำนวน 8,800 ล้านบาท โดยเป็นเงินสำรองสำหรับสาขาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 3,700 ล้านบาท และสาขาในเขตภูมิภาคจำนวน 5,100 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมี 822 สาขา ทั่วประเทศ
ส่วนการสำรองเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็ม (K-ATM) ที่มีอยู่จำนวนกว่า 9,000 เครื่องทั่วประเทศ จะรวมเงินสดสำรองเป็นจำนวนทั้งสิ้น 20,800 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองเพื่อบรรจุเครื่องเอทีเอ็มในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 8,600 ล้านบาท และเอทีเอ็มในเขตภูมิภาคจำนวน 12,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความเห็นว่า สงกรานต์ปีนี้คาดว่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา ประชาชนมีแนวโน้มจะใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้มูลค่าเงินสะพัดในปีนี้ อาจสูงกว่า 125,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ประมาณ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนคลายความกังวลต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นการจับจ่ายใช้สอยที่สูงสุดในรอบ 3 ปี